คุณแม่อึ้ง !! โรคสมาธิสั้น เรียนดีได้ยังไง


    เมื่อก่อน น้องออมสิน ติดเกมมือถือมาก ข้าวไม่ทาน อ่านหนังสือแล้วจำไม่ค่อยได้ ไม่ค่อยสนใจทำการบ้าน ครูสั่งงานก็จำไม่ได้ ส่งงานไม่เรียบร้อย การเรียนไม่ดี เกรดการเรียนเลยตกต่ำไม่กระตือรือร้นเรื่องการเรียนเลย  เคยมีอจมากาการอยู่ไม่นิ่ง วอกแวก ดื้อ ขี้งอน เอาแต่ใจ ชอบปาข้าวปาของ เข้ากับเพื่อนไม่ค่อยได้   แม่กลุ้มใจมาก

    จึงได้ค้นหาข้อมูลพบว่า น้องออมสิน มีความเสี่ยง "โรคสมาธิสั้น" ทำให้แม่เครียดมาก จนได้มาเจอ "อเลอไทด์" แต่ก็ยังไม่มั่นใจ จึงหาข้อมูลอีกครั้ง พบว่าเป็นสารสกัดจากธรรมชาติไม่ม่ผลข้างเคียง ในเมื่อไม่มีทางเลือกแล้ว จึงตัดสินใจให้น้องทาน ทาน" วันล่ะ 2 เม็ด ทานต่อเนื่อง 3 เดือน แล้วสังเกตุได้ว่า น้องไอซ์นิ่งขึ้นเยอะ ไม่โวยวาย ร่าเริง มีสมาธิและเหตุผลมากขึ้น ขยันทำการบ้านได้ดีมาก ผลสอบน้องออมสิน ออกมาคะแนนดี จากเดิม  คุณแม่ดีใจมากและรูสึกขอบคุณ อเลอไทด์ จริงๆค่ะ








     ลูกน้อยสมาธิสั้น อนาคตต้อง
    ไม่สั้น
                                         


    โรคสมาธิสั้น หรือ Attention Deficcit Hiperactivity (ADHD) 
    เป็นโรคที่มีความผิดปรกติของสารเคมีในสมองส่วน Perfrontal 
    Cortex ที่มีหน้าที่บังคับควบคุมระบบการทำงาน ในส่วนต่างๆของร่างกาย
    เช่น พฤติกรรม สมาธิ ความจำ การวางแผน ความยับยั้งช่างใจ การคิดคำนวณ
    และการตัดสินใจทำสิ่งต่างๆ ซึ่งเมื่อเกิดความผิดปกติของสารเคมีในสมองส่วนนี้
    ขึ้นก็จะส่งผลต่อการใช้ชีวิตเกิดขึ้น
    เช่น ในเด็กจะซนมาก ขาดสมาธิ หงุดหงิด โมโหง่าย อยู่ไม่นิ่งขี้ลืม เสียงดัง โวยวาย
    หุนหันพลันแล่น จนทำให้เกิดผลเสียต่างๆ ตามมาได้ หากไม่รีบรักษาอย่างถูกต้อง.


    จากสถิติ พบว่าเด็กไทยมีแนวโน้มป่วย โรคสมาธิสั้นมากกว่า 5-10%
    โดยเด็กชายเป็นมากกว่าเด็กหญิง 4 เท่า
    (ข่าวเดลินิวส์ 30 พค. 2560)


    โรคสมาธิสั้น 
    Attention Deficit Hyperactivity (ADHD)
    เป็นอาการที่เกิดขึ้นในวัยเด็กและสามารถเป็นต่อเนื่องไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ได้ จะเกิดขึ้นตั้งแต่อายุ 3-6 ปี จะพบได้ในเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง ซึ่งจะมีผลกระทบต่อพฤติกรรม อารมณ์ การเรียน และการเข้าสังคมกับผู้อื่น จากการศึกษากลุ่มตัวอย่างเด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-5 จำนวนกว่า 7,800 คน ในปี 2555 พบว่าความชุกของเด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นอยู่ที่ 8.1% เด็กบางคนอาจมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายเป็นโรคสมาธิสั้นแต่อาจเป็นเพียงแค่พัฒนาการของเด็กในวัยนั้นๆก็ได้ 





    แบบที่ 1 ขาดสมาธิ ว่อกแวก ขี้ลืม
    แบบที่ 2 ซนเกินเหตุ อยู่ไม่นิ่ง
    แบบที่ 3 หุนหันพลันแล่น ใจร้อน วู่วาม              

    เกณฑ์ที่แพทย์ใช้ในการวินิจฉัย
    "โรคมาธิสั้น"



    1.ไม่สามารถทำงานที่ครูหรือพ่อแม่สั่งจนเสร็จได้                                                             
    2.ไม่มีสามาธิในขณะที่ทำงานอยู่หรือเล่น
    3.ดูเหมือนไม่ค่อยฟังเวลาพูดด้วย
    4.ไม่สามารถฟังหรือเก็บรายละเอียดได้ ทำให้งานผิดพลาดบ่อยๆ
    5.ไม่ค่อยเป็นระเบียบ
    6.มีปัญหาหรือพยายามหลีกเหลี่ยง งานที่ต้องการใช้ความคิดหรือสมาธิ
    7.วอกแวกง่าย
    8.ทำของใช้ส่วนตัวหรือของใช้ที่จำเป็นสำหรับงานหรือการเรียนหายอยุ่บ่อยๆ
    9.หลงลืมบ่อยๆ
    10.ยุกยิก อยู่ไม่สุข
    11.นั่งไม่ติดที่ ลุกเดินบ่อยๆขณะอยู่ที่บ้านหรือห้องเรียน
    12.ชอบวิ่ง หรือปีนป่ายสิ่งของต่างๆ
    13.พูดมาก พูดไม่หยุด
    14.ชอบเล่นเสียงดังรุนแรง
    15.ตื่นตัวตลอดเวลา หรือดูตื่นเต้นง่าย
    16.ชอบโพล่งคำตอบเวลาครูหรือพ่อแม่ถาม โดยที่ยังฟังคำถามไม่จบ
    17.รอคอยไม่เป็น ใจร้อนด่วนได้
    18.ชอบขัดจังหวะ หรือสอดแทรกเวลาผู้อื่นกำลังพูดอยู่

    หากเด็กคนใด มีอาการเหล่านี้เกิน
     6 ข้อขึ้นไปมีโอกาสสูงที่จะเป็น
    "โรคสมาธิสั้น"

    ผลกระทบระยะยาวของ
    "เด็กสมาธิสั้น"

    หากลูกมีอาการเข้าข่ายสมาธิสั้น พ่อ-แม่ ควรรีบแก้ไข เพราะจากงานวิจัยพบว่า เด็กสมาธิสั้นจะไม่สามารถดึงความสามารถออกมาได้เต็มที่ ทั้งด้านการเรียน มนุษย์สัมพันธ์ จนเด็กขาดความมั่นใจในตัวเอง และการเลี้ยงดูอย่างผิดวิธี อาจจะส่งผลให้อาการเหล่านั้นรุนแรงขึ้นได้

    "โรคสมาธิสั้น" เกิดจากความผิดปกติของสารสื่อนำประสาทในสมอง ที่มีน้อยเกินไปหรือไม่สมดุล ส่งผลให้เด็กไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งต่างๆ ได้ จึงส่งผลให้เกิดอาการ ซน อยู่ไม่นิ่ง อารมณ์รุนแรง "พ่อ-แม่" ต้องเข้าใจก่อนว่า การที่ลูกมีอาการแบบนี้นั้น ไม่ใช่ความผิดของลูก แต่เกิดจากอาการของโรคสมาธิสั้น
    ทางเลือกใหม่ในการดูแล                             
       "เด็กสมาธิสั้น"   
                     











    "เห็นผลจริง พิสูจน์แล้ว โดยผู้ใช้จริง"
    หายห่วงเรื่องผลข้างเคียง
    กดที่ภาพเพื่อดูเพิ่มเติม
















    ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
    ด้านพัฒนาการเด็ก
    เสริมสร้างความจำและการเรียนรู้
    "พร้อมให้คำปรึกษาฟรี ตลอดโครงการ"


    ปรึกษา แก้ปัญหาโรคเด็กสมาธิสั้น
    โทร.087-0484741




    .........................................................................................................................................................


    สายตาพร่ามัว มองไม่ชัด แพ้แสง แสบตา เคืองตา วุ้นในตาเสื่อม
    ต้อลม ต้อเนื้อ ต้อกระจก

    กดที่รูปภาพ







    ความคิดเห็น

    โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

    LD ภาษาบกพร่องทางการเรียนรู้

    เคล็ดลับเรียนเก่ง...จากนักเรียนระดับหัวกระทิ